ความผิดกรณีร้ายแรงหรือไม่ พิจารณาอย่างไร

  • 31 Mar 2014
  • 47090
หางาน,สมัครงาน,งาน,ความผิดกรณีร้ายแรงหรือไม่ พิจารณาอย่างไร

         กฎหมายแรงงาน คำว่า “การฝ่าฝืนกรณีที่ร้ายแรง” มักจะเกิดปัญหาในการวินิจฉัยตัดสินของ HR หรือ ER (Employee Relations) ว่า มีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาอย่างไร ว่าลูกจ้างกระทำความผิดนั้นเป็นกรณีร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรง ขอให้ท่านได้ศึกษากฎหมายและตัวอย่าง ดังต่อไปนี้

พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑

มาตรา ๑๑๙  นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างซึ่งเลิกจ้างในกรณีหนึ่งกรณีใด ดังต่อไปนี้

(๑) ทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง

(๒)    จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย

(๓) ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง

(๔) ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน ระเบียบ หรือคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม และนายจ้างได้ตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว เว้นแต่กรณีที่ร้ายแรง นายจ้างไม่จำเป็นต้องตักเตือน

หมาย ความว่า ถ้าลูกจ้างฝ่าฝืนข้อบังคับกรณีที่ร้ายแรง นายจ้างสามารถเลิกจ้างลูกจ้างได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีการตักเตือนก่อน และไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยใดๆ ดังนั้น HR หรือ ER จึงต้องศึกษาเรื่องนี้ให้เข้าใจและปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง

การฝ่าฝืนกรณีที่ร้ายแรงมีอยู่หลายกรณี คือ  

1. การฝ่าฝืนที่ทำให้นายจ้างได้รับความเสียหายผิดปกติธรรมดา

        การกระทำบางอย่างไม่เป็นกรณีร้ายแรงในตัว  แต่เมื่อพิจารณาถึงกิจการงานของนายจ้างแล้วจะเสียหายแก่นายจ้างร้ายแรง เช่น ลูกจ้างทะเลาะวิวาทกันไม่ถึงกับทำร้ายร่างกายบาดเจ็บ  ถ้า เกิดเหตุในโรงงานไม่ใช่กรณีร้ายแรง แต่ถ้าลูกจ้างภัตตาคารหรือสถานบริการทะเลาะวิวาทกันต่อหน้าแขกที่มารับ บริการ อาจทำให้เสียชื่อเสียง ทำให้แขกหวั่นเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยเมื่อมาใช้บริการ จึงเป็นเรื่องร้ายแรง     

 

         การ สูบบุหรี่ในที่ห้ามสูบโดยทั่วไป สูบในห้องน้ำไม่ร้ายแรง แต่ถ้าลูกจ้างสูบบุหรี่บริเวณปั๊มน้ำมัน คลังเก็บสารเคมี หรือคลังเก็บสินค้า แม้ว่ายังไม่เกิดความเสียหาย ถือว่าย่อมเล็งเห็นผลที่จะเกิดความเสียหายได้ ถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรง

2. การฝ่าฝืนที่เป็นการผิดกฎหมายอาญา

        การกระทำผิดกฎหมายอาญาโดยปกติถือว่าร้ายแรง เช่น การเป็นเจ้ามือหวยใต้ดินในที่ทำงาน  การปลอมแปลงใบรับรองแพทย์  การ เล่นการพนันไม่ว่าเล่นในเวลาทำงานหรือนอกเวลาก็ตาม ถ้าเล่นในบริเวณบริษัทเป็นเรื่องร้ายแรง ทำร้ายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ พกพาอาวุธปืน  ทำร้ายร่างกายหัวหน้างานเนื่องจากปฏิบัติหน้าที่

         แต่ การฝ่าฝืนที่มีความผิดอาญาไม่ถือเป็นกรณีร้ายแรงทุกกรณี หากเป็นความผิดเล็กน้อย มีโทษเล็กน้อยก็ไม่ร้ายแรง เช่น การดูหมิ่นเพื่อนร่วมงาน ทะเลาะวิวาท ก่อความวุ่นวาย การทำร้ายเพื่อนร่วมงานไม่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเป็นความผิดลหุโทษมีโทษเล็กน้อย นายจ้างจะเลิกจ้างทันทีโดยไม่จ่ายค่าชดเชยไม่ได้ ต้องมีการตักเตือนเป็นหนังสือก่อน        

3. การฝ่าฝืนที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกิจการของนายจ้าง

       การเปิดเผยความลับเกี่ยวกับกิจการของนายจ้าง  ยุยง ก่อความไม่สงบในหมู่ลูกจ้าง เปิดกิจการค้าขายแข่งกับนายจ้าง ช่วยค้าขายให้ผู้อื่นที่มีกิจการอย่างเดียวกับนายจ้าง ถือเป็นการฝ่าฝืนกรณีที่ร้ายแรง

     การดื่มสุราในขณะปฏิบัติหน้าที่หรือมึนเมาสุราในขณะปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ไม่ถือเป็นความผิดร้ายแรง  แต่ การดื่มสุราอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อกิจการของนายจ้างถือเป็นเรื่องร้ายแรง เช่น บริษัทรักษาความปลอดภัย ได้ทำสัญญากับลูกค้าว่า รปภ.ที่เข้าปฏิบัติหน้าที่จะต้องงดการดื่มสุราก่อนเข้างาน 4 ชั่วโมงและบริษัทกำหนดห้าม รปภ. ดื่มสุราในขณะปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นการที่ รปภ.ดื่มสุราก่อนเริ่มงานถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง  หรือ กรณีพนักงานขับรถรับส่งผู้บริหารหรือลูกค้า ต้องปฏิบัติหน้าที่ส่งผู้โดยสารให้ถึงจุดหมายด้วยความปลอดภัย ดังนั้น หากพนักงานขับรถดื่มสุราในขณะปฏิบัติหน้าที่จึงถือว่าเป็นความผิดกรณีร้าย แรง

4. การฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับที่ระบุว่าเป็นกรณีร้ายแรง

    นาย จ้างอาจกำหนดว่าการฝ่าฝืนกรณีใดบ้างที่เป็นกรณีร้ายแรง ย่อมมีผลเป็นไปตามระเบียบที่นายจ้างกำหนด แต่หากเป็นกรณีไม่ร้ายแรงแล้วนายจ้างกำหนดว่าร้ายแรง โดยไม่มีเหตุพิเศษใดๆ ศาลจะไม่ยอมรับว่าความผิดนั้นร้ายแรง เช่น การระบุว่าการขาดงานหนึ่งวันเป็นความผิดร้ายแรง เป็นการขัดต่อกฎหมาย ไม่มีผลใช้บังคับได้

      แต่ ถ้ากฎหมายระบุว่าเป็นกรณีร้ายแรง หากระเบียบข้อบังคับระบุว่าไม่เป็นความผิดร้ายแรงก็ต้องเป็นไปตามระเบียบข้อ บังคับ ซึ่งถือว่าเป็นคุณแก่ลูกจ้าง นายจ้างจะอ้างว่าร้ายแรงไม่ได้    

5. การฝ่าฝืนที่ส่อไปในทางทุจริต

         การ ฝ่าฝืนบางกรณีแม้ไม่ใช่เรื่องทุจริต แต่เมื่อพิจารณาตำแหน่งหน้าที่ของลูกจ้างแล้ว เห็นได้ว่ามีผลประโยชน์ได้เสีย แม้ว่าลูกจ้างจะไม่ได้ทุจริตและไม่ได้ผลประโยชน์ ก็ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนกรณีร้ายแรง เช่น ธนาคารห้ามพนักงานกู้ยืมเงินจากลูกค้า พนักงานนับเงินไปกู้ยืมเงินลูกค้า อาจไม่เป็นกรณีร้ายแรง แต่ถ้าเป็นผู้จัดการหรือเจ้าหน้าที่พิจารณาสินเชื่อ ซึ่งมีหน้าที่ในการตรวจสอบหลักทรัพย์และประเมินราคา  มีอำนาจให้คุณให้โทษลูกค้าได้   ดังนั้น การที่ผู้จัดการหรือเจ้าหน้าที่พิจารณาสินเชื่อไปกู้ยืมเงินลูกค้า ถือเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งกรณีร้ายแรง     

      ดังนั้น ถือเป็นหน้าที่ของ HR หรือ ER ที่ต้องเสาะแสวงหาข้อเท็จจริง ระบุเหตุการณ์การกระทำให้ชัดเจนทั้ง ก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ หลังเกิดเหตุ มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เหตุการณ์เป็นอย่างไร คู่กรณีหรือประจักษ์พยานมีใครบ้าง ความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร หากการฝ่าฝืนเป็นกรณีที่ไม่ร้ายแรง นายจ้างจะต้องเคยตักเตือนเป็นหนังสือก่อน แล้วลูกจ้างกระทำความผิดซ้ำในหัวข้อเดิมอีก นายจ้างจึงจะเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชยได้ 3

 

เครดิต   http://www.oknation.net/blog/Smartlearning/2010/11/18/entry-1

JOBBKK.COM © Copyright All Right Reserved

Jobbkk has only one website. In no case, we have an affiliate, agent or appointee. Please do not rely on any other website, email, telephone, SMS or other contacting channel. If it is a case, we will prosecute under a lawsuit in the upmost as allowed. DBD

Top